วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 เมื่อทรงเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ (2)

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 เมื่อยังทรงพระเยาว์ทรงยืนข้างพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 พระราชบิดา พระราชมารดาสมเด็จพระราชินีเฮนเรียตตา มาเรียทรงอุ้มดยุคแห่งยอร์ค พระอนุชา
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 เมื่อทรงเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์โดย วิลเลียม ดอบสัน (William Dobson) ราว ค.ศ.1642 หรือ ค.ศ.1643 พระเจ้าชาร์ลส์ สจ๊วตพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งสกอตแลนด์และไอร์แลนด์และสมเด็จพระราชินีเฮนเรียตตา มาเรีย เสด็จพระราชสมภพที่พระราชวังเซนต์เจมส์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1630 และทรงรับศีลจุ่มที่ชาเปลรอยัลเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนโดยบาทหลวงอังกลิคันวิลเลียม ลอด ผู้ขณะนั้นเป็นบาทหลวงแห่งลอนดอน ทรงได้รับการเลี้ยงดูโดยแมรี แซ็ควิลล์ เคานเทสแห่งดอร์เซ็ท (Mary Sackville, Countess of Dorset) ผู้เป็นโปรเตสแตนต์ แต่ก็ทรงมีพ่อแม่ทูนหัวที่เป็นโรมันคาทอลิกที่เป็นพระประยูรญาติทางพระมารดา ซึ่งรวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสและพระราชมารดาของพระเจ้าหลุยส์ พระพันปีมารี เดอ เมดิชิ พระองค์ทรงได้รับตำแหน่งดยุคแห่งคอร์นวอลล์และดยุคแห่งรอธเซย์ (Duke of Rothesay) เมื่อประสูติ
ในฐานะที่ทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 8 พรรษาก็ทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ แต่มิได้มีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1640 เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระราชบิดาทรงต่อสู้กับกองทัพของฝ่ายรัฐสภา และกลุ่มเพียวริตันในสงครามกลางเมืองอังกฤษ เจ้าชายชาร์ลส์ทรงติดตามพระราชบิดาในยุทธการเอ็ดจฮิลล์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 14 พรรษา ก็ทรงเข้าร่วมในการรณรงค์ใน ค.ศ.1645 และทรงได้รับแต่งตั้งแต่ในนามให้เป็นผู้บังคับบัญชาทหารแห่งเวสต์คันทรี ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ.1646 พระราชบิดาก็พ่ายแพ้สงคราม เจ้าชายชาร์ลส์จึงเสด็จหนีจากอังกฤษเพื่อความปลอดภัย โดยเสด็จไปหมู่เกาะซิลลีย์ ก่อนที่จะเสด็จต่อไปเจอร์ซีย์ และในที่สุดก็ไปถึงฝรั่งเศสเพื่อไปสมทบกับพระราชมารดา ประทับลี้ภัยอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว พร้อมกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา
ในปี ค.ศ.1648 ระหว่างสงครามกลางเมืองอังกฤษครั้งที่ 2 เจ้าชายชาร์ลส์ก็ทรงย้ายไปเฮกในเนเธอร์แลนด์ไปประทับกับพระพระเชษฐภคินีเจ้าหญิงแมรีและพระสวามีวิลเลียมที่ 2 เจ้าชายแห่งออเรนจ์ เพราะทรงเชื่อว่าทั้งสองพระองค์อาจจะทรงสนับสนุนฝ่ายนิยมกษัตริย์มากกว่าพระญาติทางฝรั่งเศส
เมื่อทรงพยายามยกกองทัพไปช่วยพระราชบิดา แต่กองทัพภายใต้การนำของพระองค์ไปถึงสกอตแลนด์ไม่ทันที่จะสมทบกับกองกำลัง “Engagers” ที่สนับสนุนพระราชบิดาที่นำโดยเจมส์ แฮมมิลตัน ดยุคแห่งแฮมมิลตันที่ 1 ก่อนที่จะพ่ายแพ้ในยุทธการเพรสตันในปี ค.ศ. 1648
ระหว่างที่ประทับอยู่ที่กรุงเฮก เจ้าชายชาร์ลส์ทรงมีความสัมพันธ์กับ ลูซิ วอลเตอร์ (Lucy Walter) อยู่พักหนึ่งผู้ต่อมาถึงกับอ้างว่าได้เจ้าชายชาร์ลส์ทรงแต่งงานอย่างลับๆ ด้วย ทรงมีพระโอรสกับลูซิ วอลเตอร์คนหนึ่งคือเจมส์ ครอฟต์ส ต่อมาเป็นเจมส์ สกอตต์ ดยุคแห่งมอนม็อธที่ 1 ผู้ต่อมากลายมามีบทบาทสำคัญในทางการเมืองของอังกฤษ
พระราชบิดาของพระองค์พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ทรงถูกจับกุมในปี ค.ศ. 1647 ทรงหลบหนีจากการคุมขังได้ แต่ก็มาทรงถูกจับอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1648 แม้ว่าเจ้าชายชาร์ลส์จะทรงพยายามหาทางช่วยทางการทูตในการปลดปล่อยพระองค์แต่ก็ไม่สำเร็จ
ในที่สุดพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ก็ทรงถูกปลงพระชนม์ในข้อหากบฏต่อแผ่นดินเมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม ค.ศ.1649 หลังจากนั้นอังกฤษก็เข้าสู่สมัยสาธารณรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น