วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

แดร๊กคูล่า

แดร๊กคูล่าเป็นสัตว์จำพวกค้างคาวกึ่งมนุษย์ซึ้งเป็นเ หมือนราชาของค้างคาวเป็นผู้ดูแลความมีระเบียบภายในครอบครัวค้างๆเพราะค้างคาวมีจำนวนมหาศาลในการออกล่าเหย ื่อแต่ละทีตามที่เชื่อกันแดร๊กคูล่ามีร่างเป็นมนุษย์ ในตอนกลางวัน และจะมีร่างกึ่งค้างคาวในตอนกลางคืน ตอนกลางคืนนั้นแดร๊กคูล่าจะนำทัพค้างคาวออกหาอาหารแล ะความเชื่อที่ว่าถ้าโดนแดร๊กคูล่ากัดจะเป็นแดร๊กคูล่ าตามมันซึ้งเป็นความเชื่อแบบผิดๆ แดร๊กคูล่าตัวจริงมีอยู่เพียงตัวเดียวซึ้งในโลกมนุษย ์แดร๊กคูล่าได้เกิดก่อนคริสถการประมาณ1000ปี ซึ้งแดร๊กคูล่านั้นอยู่ตอนพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนแต ่ความเชื่อที่ว่าพระเยซูตรึงกางเขนเพราะไถ่บาปแต่ที่ จริงแล้วในความคิดของแดร๊กคูล่า พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนเพราะหนีปัญหาชีวิต เรื่องราวของแดร๊กคูล่าได้เล่าขานต่อกันมาจากรุ่นสู่ รุ่น หากผู้ใดได้พบเจอแดร๊กคูล่าตัวจริงแล้วถ้าโดนกัดไม่ต ้องเสียใจเพราะคุณเป็นคนที่มีเกียตมากในโลกแห่งรัตติ กาลเพราะแดร๊กคูล่าจะมีตนเดียวในโลก ในทุกๆ10ปีแดร๊กคูล่าจะไห้กำเนิดค้างคาวเป็นล้านๆตัวและที่ว่ากันว่าไม้กางเขน กระเทียม หมุด เงินแท้สามารถจัดการแดร๊กคูล่าได้เป็นความคิดอันผิดๆ ของคนที่เล่าต่อกันมา แดร๊กคูล่าได้หลับข้ามทุกยุกทุกสมัยแดร๊กคูล่านั้นใน ตอนกลางคืนสามารถแปลงกายเป็นผู้ใดก็ได้ตามที่มันปราร ถนา ถ้าคุณได้เจอมันจริงๆถือว่าเป็นเกียตอย่างยิ่งที่คุณ ได้พบราชาแห่งรัตติกาล

แวมไพร์

แวมไพร์

เค้าท์ออร์ล็อก แวมไพร์ จากภาพยนตร์เรื่อง Nosferutu : A Symphony of Horror ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง เค้าท์แดร็กคูล่าร์

แวมไพร์ (อังกฤษ: Vampire) ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน สิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน, น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม วิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น หวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า หรือ โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา หรือแม้แต่การวางไม้กางเขนหรือดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง
เรื่องราวของผีแวมไพร์ มีมากมาย ที่เป็นนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรม โดยวรรณกรรมที่ว่าถึงแวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุด มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของแวมไพร์คือ เรื่องเค้าท์แดร็กคูล่าร์ ของ บราม สโตกเกอร์ ที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu ในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น

เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของแวมไพร์ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ อาจมีที่มาจากที่ทวีปอเมริกากลาง มีค้างคาวขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน ซึ่งค้าวคาวชนิดนี้ก็ได้มีการเรียกชื่อว่า แวมไพร์ เช่นกัน

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

ดอกดาหลา

ดาหลา : ไม้ดอกไม้ประดับ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น

ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง้านี้ จะเป็น บริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ใน เวลา 1 ปี ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้ม


ใบ

มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบ และฐานใบ ใบไม่มีก้านใบ ผิวเกลี้ยงท้งด้านบนและด้านล่าง ใบยาว 30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบ แหลมฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบ


ดอก

ดอกดาหลาเป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head) ประกอบด้วยกลีบประดับ (Bracts) มี 2 ขนาด ส่วนโคนประกอบด้วยกลีบประดับขนาดใหญ่ มีความกว้างกลีบ 2-3 ซ.ม. จะมีสีแดงขลิบขาวเรียงซ้อนกันอยู่และจะบานออก ประมาณ 25-30 กลีบ และมีกลีบประดับ ขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอก ความกว้างกลีบประมาณ 1 ซ.ม. ซึ่งมีสีเดียวกับกลีบประดับ ขนาดใหญ่ กลีบประดับเล็กนี้จะหุบเข้าเรียงเป็นระดับมีประมาณ 300-330 กลีบ ภายในกลีบ ประดับขนาดใหญ่ที่บานออกจะมีดอกจนิงขนาดเล็กกลีบดอกสีแดง ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่ จำนวนมาก ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างดอกประมาณ 14-16 เซนติเมตร ความยาวช่อ 10-15 เซนติเมตร มีก้านช่อดอกยาว 30-150 เซนติเมตร ลักษณะก้านช่อดอกแข็งตรง ดอก จะออกตลอดปีแต่จะให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูร้อน คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ดอกจะ พัฒนามาจากหน่อดอกที่แทงออกมาจากเหง้าใต้ดินลักษณะของหน่อจะมีสีชมพู ที่ปลายหน่อ ดอกดาหลา


พันธุ์
ปัจจุบันพันธุ์ดาหลาที่ปลูกตัดดอกมีอยู่ 2 พันธุ์ด้วยกันคือ พันธุ์สีชมพู และพันธุ์สีแดง


การขยายพันธุ์
ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้


1. การแยกหน่อ ควรแยกหน่อที่มีความเหมาะสมนำไปปลูกคือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อนกึ่งแก่นประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อน ๆ ติดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นำไปชำในถึงพลาสติก 1 เดือนเพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนปลูก

2. การแยกเหง้า โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนำไปชำในแปลงเพาะชำ วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก

3. การปักชำหน่อแก่ โดยนำไปชำในแปลงเพาะชำให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูกลงแปลงต้นดาหลา

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

สระน้ำปีสาจ

ซึ่งที่ๆจะพูดถึงนี้ เขาเรียกว่า Devil's Pool (สระน้ำปิศาจ) อยู่ในประเทศ ซิมบับเว ซึ่งเป็นสระน้ำธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยหินผา แต่ที่มันแปลกและหวาดเสียว เพราะว่า ด้านนึงของสระคือ ยอดสุดของน้ำตก Victoria Falls (น้ำตกวิคตอเรีย) ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 103 เมตร เอาเป็นว่าถ้ายื่นตัวไม่ดีพอ ก็ตกลงไปเลยแหละ แต่เขาบอกว่า ธรรมชาติสร้างมาให้ Devil's Pool ปลอดภัยมาก ไม่ตกลงไปง่ายๆ

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

Moi Même


Je suis ambitieuse,affectueuse,volontaire,gaie et réfléchie.



Je n'aime pas les gens qui sont maladroits,égoïstes,bagarreux,agressif et hypocrites.



Je suis gaie,timide et sociables